ตระกูลศากยวงศ์ แห่ง กรุงกบิลพัสดุ์ กับ ตระกูลโกลิยวงศ์ แห่ง กรุงเทวทหะ เป็นเครือญาติเกี่ยวดองกันโดยสายเลือดด้วยสืบสายมาจากต้นตระกูลเดียวกัน คือ จากพระเจ้าโอกากราช มาตามลำดับ จนถึงพระเจ้าชยเสนะ
ทางฝ่ายศากยวงศ์ พระเจ้าชยเสนะ มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์ คือ
๐ พระเจ้าสีหนุ
๐ พระนางเจ้ายโสธรา
๐ พระนางเจ้ายโสธรา
ส่วนทางโกลิยวงศ์ กษัตริย์ผู้ปกครองซึ่งไม่ปรากฏพระนามมีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์เช่นกัน คือ
๐ พระเจ้าอัญชนะ
๐ พระนางกัญจนา
๐ พระนางกัญจนา
ต่อมาพระเจ้าสีหนุ (ศากยวงศ์) กับ พระนางกัญจนา (โกสิยวงศ์) โดยอภิเษกสมรสกัน
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๗ พระองศ์ คือ
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๗ พระองศ์ คือ
๐ พระเจ้าสุทโธทนะ
๐ พระเจ้าสุกโกทนะ
๐ พระเจ้าอมิโตทนะ
๐ พระเจ้าโธโตทนะ
๐ พระเจ้าฆนิโตทนะ
๐ พระนางปมิตา
๐ พระนางเจ้าอมิตา
และ พระเจ้าอัญชนะ (โกสิยวงศ์) กับ พระนางเจ้ายโสธรา (ศากยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกัน
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๔ พระองศ์ คือ
๐ พระเจ้าสุกโกทนะ
๐ พระเจ้าอมิโตทนะ
๐ พระเจ้าโธโตทนะ
๐ พระเจ้าฆนิโตทนะ
๐ พระนางปมิตา
๐ พระนางเจ้าอมิตา
และ พระเจ้าอัญชนะ (โกสิยวงศ์) กับ พระนางเจ้ายโสธรา (ศากยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกัน
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๔ พระองศ์ คือ
๐ พระเจ้าสุปปพุทธะ
๐ พระเจ้าทัณฑปาณิ
๐ พระนางเจ้ามายาเทวี (สิริมหามายาเทวี)
๐ พะนางเจ้าปชาบดี (โคตมี)
๐ พระเจ้าทัณฑปาณิ
๐ พระนางเจ้ามายาเทวี (สิริมหามายาเทวี)
๐ พะนางเจ้าปชาบดี (โคตมี)
ในชั้นต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะ (ศากยวงศ์) กับ พระนางสิริมหามายาเทวี (โกลิยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกัน
มีพระราชบุตรเพียง ๑ พระองศ์ คือ
๐ เจ้าชายสิทธัตถะ
มีพระราชบุตรเพียง ๑ พระองศ์ คือ
๐ เจ้าชายสิทธัตถะ
ครั้นเมื่อประสูติพระราชกุมารได้ ๗ วัน พระนางสิริมหามายาเทวีก็เสด็จทิวงคต พระเจ้าสุทโธทนะ จึงอภิเษกสมรสกับ พระนางเจ้าปชาบดี(โคตมี) และมีพระราชบุตรและพระราชธิดาอีกรวม ๒ พระองศ์ คือ
๐ เจ้าชายนันทะ (พระนันทะ)
๐ เจ้าหญิงรูปนันทา (พระรูปนันทาเถรี)
๐ เจ้าหญิงรูปนันทา (พระรูปนันทาเถรี)
พระเจ้าสุปปพุทธะ (โกลิยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกับพระนางเจ้าอมิตา (ศากยวงศ์)
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์ คือ
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์ คือ
๐ เจ้าชายเทวทัต (พระเทวทัต)
๐ พระนางพิมพาหรือยโสธรา
๐ พระนางพิมพาหรือยโสธรา
พระเจ้าสุกโกทนะ (ศากยวงศ์) กับ นางกีสาโคตมี มีพระราชโอรส คือ
๐ เจ้าชายอานนท์ (พระอานนท์เถระพุทธอุปัฏฐาก)
พระเจ้าอมิโตทนะ (ศากยวงศ์) มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๓ พระองค์ คือ
๐ เจ้าชายมหานามะ
๐ เจ้าชายอนุรุทธะ (พระอนุรุทธะเถระ)
๐ เจ้าหญิงโรหิณี
๐ เจ้าชายอนุรุทธะ (พระอนุรุทธะเถระ)
๐ เจ้าหญิงโรหิณี
ในลำดับชั้นต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะ (ศากยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา (โกลิยวงศ์)
มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ
มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ
๐ เจ้าชายราหุล (พระราหุล)
พระเจ้ามหานามะ (ศากยวงศ์) มีพระธิดากับนางทาสีคือ
๐ พระนางวาสภขัตติยา
ต่อมา พระนางวาสภัขัตติยา ได้เป็นพระมเหสีของ พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์แห่งเมืองสาวัตถี
แคว้นโกศล และมีพระราชโอรส (ซึ่งถือเป็นจัณฑาล เพราะพระบิดากับพระมารดาต่างวรรณะกัน) คือ
แคว้นโกศล และมีพระราชโอรส (ซึ่งถือเป็นจัณฑาล เพราะพระบิดากับพระมารดาต่างวรรณะกัน) คือ
๐ เจ้าชายวิฑูฑภะ
และเพราะความถือตัวจัดนี้เอง ที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะเองก็เป็นพระนัดดาของพระเจ้ามหานามแห่งกรุงกบิลพัสดุ์นั้นเอง
พระองค์ถูกเหยียดหยามจากพระญาติถึงขนาดเอาน้ำนมชำระล้างสถานที่ทุกแห่งที่พระองค์ประทับในกรุงกบิลพัสดุ์คราวเสด็จเยี่ยมพระญาติ โดยพวกศากยะกรุงกบิลพัสดุ์รังเกียจว่า พระมารดาของพระองค์ไม่ใช่คนวรรณะกษัตริย์ แต่เป็นทาสีซึ่งเป็นคนละวรรณกับพวกตน นี่คือชนวนของการทำลายล้างกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาต่อมา
ในทัศนะของคนเนปาลเองทุกคนเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพระพุทธเจ้าเป็นชายเนปาล ไม่ใช่อินเดียเพราะพระองค์เกิดในฝั่งเนปาลไม่ใช่อินเดีย ซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าสถานที่ประสูติ คือ ลุมพินีและกบิลพัสดุ์ก็ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในฝั่งเนปาล ซึ่งแต่ก่อนนั้นคำว่า อินเดีย เนปาล ยังไม่มีการแบ่งแยกเป็นประเทศดังปัจจุบัน มีแต่คำว่า ชมพูทวีป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น