วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พระญาติฝ่ายพระบิดาและพระมารดา

ตระกูลศากยวงศ์ แห่ง กรุงกบิลพัสดุ์ กับ ตระกูลโกลิยวงศ์ แห่ง กรุงเทวทหะ เป็นเครือญาติเกี่ยวดองกันโดยสายเลือดด้วยสืบสายมาจากต้นตระกูลเดียวกัน คือ จากพระเจ้าโอกากราช มาตามลำดับ จนถึงพระเจ้าชยเสนะ
ทางฝ่ายศากยวงศ์ พระเจ้าชยเสนะ มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์ คือ
๐  พระเจ้าสีหนุ
๐  พระนางเจ้ายโสธรา
ส่วนทางโกลิยวงศ์ กษัตริย์ผู้ปกครองซึ่งไม่ปรากฏพระนามมีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์เช่นกัน คือ
 พระเจ้าอัญชนะ 
๐ พระนางกัญจนา
ต่อมาพระเจ้าสีหนุ (ศากยวงศ์) กับ พระนางกัญจนา (โกสิยวงศ์) โดยอภิเษกสมรสกัน 
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๗ พระองศ์ คือ
 พระเจ้าสุทโธทนะ
 พระเจ้าสุกโกทนะ 
 พระเจ้าอมิโตทนะ
 พระเจ้าโธโตทนะ
๐ พระเจ้าฆนิโตทนะ
 พระนางปมิตา
 พระนางเจ้าอมิตา

และ พระเจ้าอัญชนะ (โกสิยวงศ์) กับ พระนางเจ้ายโสธรา (ศากยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกัน 
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๔ พระองศ์ คือ
 พระเจ้าสุปปพุทธะ
๐ พระเจ้าทัณฑปาณิ
 พระนางเจ้ามายาเทวี (สิริมหามายาเทวี)
 พะนางเจ้าปชาบดี (โคตมี)
ในชั้นต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะ (ศากยวงศ์) กับ พระนางสิริมหามายาเทวี (โกลิยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกัน 
มีพระราชบุตรเพียง ๑ พระองศ์ คือ 

 เจ้าชายสิทธัตถะ
ครั้นเมื่อประสูติพระราชกุมารได้ ๗ วัน พระนางสิริมหามายาเทวีก็เสด็จทิวงคต พระเจ้าสุทโธทนะ จึงอภิเษกสมรสกับ พระนางเจ้าปชาบดี(โคตมี) และมีพระราชบุตรและพระราชธิดาอีกรวม ๒ พระองศ์ คือ
 เจ้าชายนันทะ (พระนันทะ) 
 เจ้าหญิงรูปนันทา (พระรูปนันทาเถรี)
พระเจ้าสุปปพุทธะ (โกลิยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกับพระนางเจ้าอมิตา (ศากยวงศ์)
มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๒ พระองศ์ คือ
 เจ้าชายเทวทัต (พระเทวทัต)
 พระนางพิมพาหรือยโสธรา
พระเจ้าสุกโกทนะ (ศากยวงศ์) กับ นางกีสาโคตมี มีพระราชโอรส คือ
 เจ้าชายอานนท์ (พระอานนท์เถระพุทธอุปัฏฐาก)
พระเจ้าอมิโตทนะ (ศากยวงศ์) มีพระราชบุตรและพระราชบุตรีรวม ๓ พระองค์ คือ
 เจ้าชายมหานามะ
๐ เจ้าชายอนุรุทธะ (พระอนุรุทธะเถระ)
 เจ้าหญิงโรหิณี
ในลำดับชั้นต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะ (ศากยวงศ์) ได้อภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา (โกลิยวงศ์) 
มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ
 เจ้าชายราหุล (พระราหุล)
พระเจ้ามหานามะ (ศากยวงศ์) มีพระธิดากับนางทาสีคือ
 พระนางวาสภขัตติยา
ต่อมา พระนางวาสภัขัตติยา ได้เป็นพระมเหสีของ พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์แห่งเมืองสาวัตถี
แคว้นโกศล และมีพระราชโอรส (ซึ่งถือเป็นจัณฑาล เพราะพระบิดากับพระมารดาต่างวรรณะกัน) คือ
๐ เจ้าชายวิฑูฑภะ
และเพราะความถือตัวจัดนี้เอง ที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะเองก็เป็นพระนัดดาของพระเจ้ามหานามแห่งกรุงกบิลพัสดุ์นั้นเอง
พระองค์ถูกเหยียดหยามจากพระญาติถึงขนาดเอาน้ำนมชำระล้างสถานที่ทุกแห่งที่พระองค์ประทับในกรุงกบิลพัสดุ์คราวเสด็จเยี่ยมพระญาติ โดยพวกศากยะกรุงกบิลพัสดุ์รังเกียจว่า พระมารดาของพระองค์ไม่ใช่คนวรรณะกษัตริย์ แต่เป็นทาสีซึ่งเป็นคนละวรรณกับพวกตน นี่คือชนวนของการทำลายล้างกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาต่อมา
ในทัศนะของคนเนปาลเองทุกคนเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพระพุทธเจ้าเป็นชายเนปาล ไม่ใช่อินเดียเพราะพระองค์เกิดในฝั่งเนปาลไม่ใช่อินเดีย ซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าสถานที่ประสูติ คือ ลุมพินีและกบิลพัสดุ์ก็ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในฝั่งเนปาล  ซึ่งแต่ก่อนนั้นคำว่า อินเดีย  เนปาล ยังไม่มีการแบ่งแยกเป็นประเทศดังปัจจุบัน มีแต่คำว่า ชมพูทวีป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น